10 December 2007

Ariyasaccani อริยสัจ 4

ร่างกายเป็นทุกข์ การมีร่างกายเป็นทุกข์ แล้วความอยาก ความดึง ความยึดถือว่านั่นของเรา นี่ของเรา นี่ตัวเรา มันก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ยึ่งดึงมากก็ยิ่งทุกข์ใหญ่

เพราะร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเราโดยแท้ มันเป็นเพียงวัตถุธาตุ ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ มารวมกันเป็นร่างกาย เราจะบังคับบัญชามันให้ ไม่แก่ ไม่ป่วย สิวไม่ขึ้น ท้องไม่ปวด ผมไม่หงอก ทำไม่ได้ แล้วคนเขาก็แก่ให้ดู หนังเหนี่ยว ผมหงอก ฟังหัก ปากเหม็น ให้ดู แถมตายให้ดูกันเยอะแยะ แล้วเราไม่คิดหรือว่า เราจะตาย สรุปแล้วมันก็ตาย มันเป็นรังของโรค มันต้องป่วย แล้วมันก็ต้องตาย ถ้าใจเราไม่รู้ทัน ยังฝืนว่ามันจะไม่ตาย อย่างนี้ก็ทุกข์หนัก

ไม่ใช่แค่เราจะตาย คนทุกคนตายหมด ตายหมดนะ ถ้าไม่ยอมรับอีก ก็ทุกข์อีก ร้องไห้ ให้น้ำตากมดเป้าตา ไอร่างที่ตายมันก็ไม่ฟื้น มันเน่าให้ดูซะเลย แล้วร่างกายเราก็ต้องเป็นแบบนั้นนะ ไอร่างกายที่ใช้งานมันอยู่นี่ ไอมือมันที่ใช้พิมพ์อยู่นี่ เดี๋ยวมันก็เหี่ยวเหลือแต่กระดูก แล้วมันก็ต้องแตกสลาย กลับกลายเป็นธาตุดินอีกครั้ง

เราไม่รู้ทันพวกนี้ เราก็เกิดอีก ก็ทุกข์อีก

วิธีตัดกิเลส พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้ยึด ศีล สมาธิ และปัญญา

ศีลมี สมาธิก็เกิด เกิดแล้วปัญญาก็เกิด นี่เราต้องพยายามตัด ตัดความสบาย ศีลก็มีหลายระดับ ต่ำสุดก็ศีล5 ขึ้นมาหน่อยก็ ศีล8 เราต้องพยายามละ ไอพวกบำรุง บำเรอ ร่างกาย บำรุงไป มันก็เปลือง เปลืองเวลา แถมมันทำให้เราติด ติดร่างกายไปนี่ ซวยสุด ไม่ซวยยังไง เดี๋ยวเกิดอีก ทีนี่ ต้องร้องอุแว้เมื่อสูดลมหายใจแรก แล้วความทุกข์ต่างๆก็ตามมาอีก แล้วไอร่างกายนี้ มันก็พังซะอีกแหนะ คบมันไม่ได้ หลวงพ่อบอก

ต้องพยายามตัด และมองหาความตามเป็นจริง มองอริยสัจที่อยู่รอบตัวเราให้ลึกซึ้งเลย พระพุทธเจ้าเราตรัสรู้อริยสัจสี่ เราต้องยึดไว้ให้มาก เป็นหัวใจของการตัด

ลองมองแบบอริยสัจ ซักอาทิตย์หนึ่งเป็นไง เริ่มจากวินาทีนี้

ดูอริยสัจ
ดูทุกข์
ดูเหตุเกิดทุกข์
ดูวิธีดับทุกข์ และปฏิบัติด้วย

No comments: